วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556
[diary]วันก่อนครับ ครับ ส่งงานครับ
A: วันก่อนครับ
B: ทำไมครับ
A: อ. นัดส่งงานออนไลน์ เข้าดรอปบ็อก อัพโหลดกูนี่ยืนขึ้นเลยครับ!!
B: มันค้างครับเหรอครับ
A: ป่าวครับมันเร็วมาก
B: กำครับ
A: หลังจากนั้นไม่นานครับ กูนี่แทบไปยืนบนเก้าอี้เลยครับ!!!
B: อัพโหลดเสร็จสิ้นเหรอครับ
A: ป่าวครับมันเออเร่อ ( ಠ_ಠ)
ปล.คราวหน้าหนูขอก๊อปไฟล์ส่งเถอะค่ะ T^T
วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556
[movie] Upstream Color
เรื่องย่อ
เรื่องราวของคริสที่ถูก 'thief' ดึงเข้าไปอยู่ในวงจรชีวิตของอะไรสักอย่างโดยที่เธอไม่รู้ตัว ความทรงจำในช่วงหนึ่งของเธอขาดหายไปรวมถึงเงินในบัญชีของเธอด้วย ตอนที่เธอเริ่มอับจนหนทางเธอก็ได้พบกับเจฟ เธอและเขามีอะไรบางอย่างที่คลายๆกัน หลังจากนั้นคริสเริ่มมีอาการแปลกๆ เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร คริสและเจฟพยายามค้นหาอะไรบางอย่างที่พวกเขารูสึกได้โดยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ล่ะฉากในภาพยนต์มีการตัดไปตัดมาจนแทบจะไม่สามารถประติดประต่อเรื่องได้อย่างชัด ไม่มีการเล่าเรื่องให้เห็นภาพอย่างชัดเจนเวลาในแต่ล่ะฉากก็เช่นกัน เราไม่สามารถรู้ได้ว่าอะไรเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดถูกเชื่อมโยงเป็นวงกลมและหมุนวนไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องราวที่หมุนต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งตัวแปลหนึ่งถูกทำลายไป ตอนที่คนเลี้ยงหมูถูกฆ่าเหมือนเป็นการหยุดวงล้อของเรื่องราวทุกอย่าง ตัวแปลในวัฏจักรหายไปจนไม่สามารถหมุนวนได้ แต่ก็ตัวภาพยนต์ก็ไม่ได้มีตอนจบที่ชัดเจนว่า วัฏจักรนี้จะไม่กลับมาหมุนอีก
ในการลำดับเรื่องแบบนี้ถึงมันจะทำให้เราไม่สามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้แต่เราก็สามรถเข้าใจในบางฉากได้ ส่วนเรื่องจะปะติดปะต่อเรื่องยังไงนั้นก็จะเป็นไปตามความคิดของคนดูแต่ล่ะคนซึ่งแต่ละคนจะมีความเห็นที่แตกต่างกัน
ขนาดภาพ
-เนื่องจากตัวละครไม่ค่อยพูดจึงใช้การแสดงเป็นสื่อ Full Shot และ Medium Shot จึงเป็นขนาดภาพที่ถูกใช้เพื่อแสดงท่าทางและอารมณ์ของตัวละคร
-Extreme Close Up ก็เป็นอีกหนึ่งขนาดภาพเพื่อชี้ให้เห็นถึงกิมมิกในฉากนั้นๆ
มุมกล้อง
ส่วนมากจะใช้มุม Low Angle นอกจากจะเพิ่มความสำคัญให้ตัวล่ะครแล้วยังทำให้รู้สึกสับเหมือนกับที่ตัวละครสับสนที่ได้รับรู้ถึงอะไรบางอย่าง ลดทอนความสำคัญของสิ่งอื่นที่ประกอบฉากอีกด้วย
[movie] 4 หนังสารดีสั้นจากนักศึกษาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ(ปีสอง)
BABY WAYS สารคดีที่ต้องการคำตอบว่าเด็กแนวคืออะไร? จากเซเลปเด็กแนวทั้ง4คน4สไตล์
หนังแนวสารคดีที่ต้องการหาคำตอบว่าเด็กแนวคืออะไรโดยการเข้าไปพูดคุยกับคนที่ถูกคนอื่นเรียกว่า 'เด็กแนว' ตามติดชีวิตพวกเขา คำตอบของคำว่าเด็กแนวคืออะไรนั้นไม่ได้ได้มาจากการพูดให้ความหมายของเหล่าเด็กแนว จริงๆแล้วพวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าเด็กแนวคืออะไรในเมื่อเขาไม่ได้เรียกตัวเองว่าเด็กแนวแต่คนอื่นต่างหากที่เป็นคนเรียก คำตอบของปัญหานี้จะออกมาเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความคิดความอ่านของตัวผู้ชมเอง
LADDA LAND PLAYGROUND การจำกัดความที่แตกต่างของลัดดาแลนด์
ลัดดาแลนด์ ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นหลังจากที่คำๆนี้ได้ถูกให้ความหมายใหม่โดยใช้เป็นชื่อของภาพยนต์เรื่องหนึ่ง การจำกัดความที่ถูกเปลี่ยนไปก่อให้เกิดการเดินทางในครั้งนี้เพื่ออกตามหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องของลัดดาแลนด์ จากการสอบถามชาวบ้านในละเวกนั้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ตากก็ตอบเป็นเสียงเดียวว่า ลัดดาแลนด์ไม่ใช่หมู่บ้านผีสิง หากแต่เป็นสถานที่ที่คลายกับสวนสนุกในสมัยก่อนและถูกปิดตัวตัวลงด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ไม่ได้มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับภาพยนต์เรื่องลัดดาแลนด์แต่อย่างใด
DO YOU TALK ABOUT THE ROAD : สารคดีเรื่องนี้เกี่ยวกับถนน?
สิ่งที่เข้ามาพร้อมกับถนนเส้นใหม่คือความเจริญ ใครๆก็คิดแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะได้อะไรบางอย่างมาโดยที่ไม่เสียอะไรไปเลย คนเรามันจะสนใจอะไรใหม่ๆอยู่เสมอหรืออาจเรียกได้ว่าเห่อของใหม่ จนในบางครั้งก็อาจจะหลงลืมสิ่งเก่าไป เหมือนกับผู้คนที่เลิกสนใจถนนเส้นเก่าที่พวกเขาเคยใช้ไปให้ความสนใจกับถนนเส้นใหม่ ถนนเส้นเก่าที่ไม่คึกคักเหมือนเคยพลอยส่งผลกระทบให้ร้านค้าแถวนั้นมีรายได้ลดน้อยลงตามไปด้วย แต่ในคณะดียวกันชาวบ้านฝั่งถนนเส้นใหม่ก็ไม่ได้สบายนัก เมื่อเหล่านายทุนเริ่มสนใจถนนเส้นนั้นและเริ่มกว้านซื้อที่ดินที่มีแนวโน้วจะรุ่งเรืองในอนาคตอันใกล้ เป็นสิ่งที่ชาวบ้านต้องตัดสินใจว่าจะยอมให้ 'ความเจริญ' เหล่านั้นมาแทนที่ 'วิถีชีวิต' ของพวกเขาหรือไม่
UNSEEN สารคดีเชิงทดลอง ว่าด้วยการหาความหมายของการเซนเซอร์ในสังคมไทย
เรื่องของการเซนเซอร์เป็นเรื่งที่ผู้ใหญ่ทำเพื่อปิดกันไม่ให้เด็กและเยาว์ชนได้รับรู้เรื่องของสิ่งอบายมุขจากโลกภายนอก ยังคงทำต่อเนื่องเป็นเวลานานและยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การกระทำเหล่านี้ได้ผลจริงหรือ? เด็กเหล่านั้นไม่รับรู้ถึงสิ่งที่ผู้ใหญ่คิดว่าไม่ดีและปกปิดไว้โดยไม่ให้พวกเขารับรู้เลยเหรอ จากการทดลองนำเอาการ์ตูนที่มีการเซนเซอร์ไปเปิดให้เด็กๆดูก็พบว่าเด็กเหล่านั้นก็ไม่ใสซื่ออย่างที่ผู้ใหญ่คิด พวกเขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน แล้วการเซนเซอร์ทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ ในเมื่อพวกเขารู้สิ่งที่เราต้องการจะปิดบังไว้หมดแล้ว อย่างไรก็ตามผู้ใหญ่บางคนก็ยังเห็นด้วยกับการเซนเซอร์เหล่านั้นและยังคนเชื่อว่ามันสามารถปกป้องเด็กของพวกเขาจากสิ่งไม่ดีเหล่านั้นได้
[movie]ยอดปรมาจารย์ ยิปมัน
ยอดปรมาจารย์ ยิปมัน หนังกังฟูที่ฉากบู้ไม่ใช่แค่ฉากบู้ ในภาพยนต์แสดงให้เห็นถึงความสวยงามของกังฟูได้อย่างชัดเจน บรรยากาศ ภาพ เสียง ถึงแม้จะไม่ใช่หนังกังฟูที่มีฉากบู้มันๆแต่ก็สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกลุ้นตาม ด้วยภาพที่ดูเชื่องช้านุ่มนวล
โดยส่วนตัวแล้วมีปัญหาอยู่นิดหน่อยเพราะรู้สึกว่าหน้าตัวละครเหมือนกันไปหมด(ฮา) ตัวหนังดูจะให้ความสนใจในเรื่องของเอ็ฟฟ็กเป็นพิเศษ ซึ่งก็ทำออกมาได้ดีจริงๆ มุมกล้องโคสอัพให้ผู้ชมเข้าถึงตัวละครนอกจากนี้ภาพส่วนมากไม่ได้ถูกตัดฉากไปมาอย่างรวดเร็วให้รู้สึกตื่นเต้นแต่เป็นการเคลื่อนกล้องแบบเอื่อยๆ ทำให้รู้สีกลุ้นจนแทบจะหยุดหายใจอีกทั้งบรรยากาศภาพที่ในช่วงแรกมีโทนสีออกไปทางสีเหลืองทองให้ความรู้สึกอบอุ่นบวกกับเรื่องของเวลาที่เป็นช่วงเริ่มต้นชีวิตหรือเป็นอดีตของยิปมัน บรรยากาศภาพมีส่วนถูกใช้ในการเล่าเรื่องโดยที่ผู้ชมไม่ทันสังเกตุ
เมื่อเรื่องชีวิตของยิปเริ่มผ่านอะไรหลายอย่าง เวลาเริ่มเปลี่ยนไปโทนสีในหนังก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน ความอบอุ่นในภาพเริ่มหายไปถูกแทนที่ด้วยสีเย็นยะเยือก แต่โทนสีของภาพก็ไม่ได้ถึงกับเปลี่ยนแบบปุ๊บปั๊บ แต่ค่อยเปลี่ยนไปโดยที่คนดูไม่ทันรู้ตัว สีโทนเย็นนั้นช่วยสร้างอารมณ์ที่เป็นปัจจุบันมากขึ้นแต่ก็ให้ความรู้สึกเหงาเช่นกัน
ขนาดภาพ
-ส่วนใหญ่ขนาดของภาพจะเป็น Meaium Shot เพื่อแสดงให้เห็นถึงฉากการต่อสู้ การวาดมือที่งดงาม
-ข้อแตกต่างระหว่างภาคเก่ากับภาคใหม่ที่แฟนๆภาพยนต์ดูจะไม่ชอบมากที่สุดคือการใช้มุมกล้องแบบ Close Up ที่ถูกใช้มากขึ้นในภาพยนต์
มุมกล้อง
-Eye-level Shot ถูกใช้ในการถ่ายตอนที่ตัวละถ่ายภาพหมู่ซึ่งมีตั้งแต่ตอนต้นจนถึงการจบเรื่อง
-Low Angle ถูกใช้มากในภาพยนต์เรื่องนี้้ในฉากกังฟูที่มีความเครื่องไหว ว่องไว จะใช้กล้องมุมต่ำเพื่อเพิ่มอารมณ์ให้ฉากฉากนั้น
วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556
[diary]Down the rabbit hold(hole) you'll find wonderland ตอน ความรันทดของเฟอร์บี้
ชีวิน้อยๆของตัวละครนามเฟอร์บี้
ปรากฎตัวครั้งแรกในคราบของเด็กชายเนื้อตัวมอมแมม
อยู่ๆไปตอนสองตอนชุบตัวกลายเป็นบุตรแห่งลูซิเฟอร์
ไปๆมาๆ โดนใครตามล่าก็ไม่รู้ ต้องพาลิ่วล้ออพยบไปหมู่บ้านกลางเขา ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน
หนีไปหนีมาเกือบเป็นชายเหนือชายจะได้พ่อบ้านเป็นเมีย
ภูมิใจเสมอที่เป็นบุตรแห่งลูซิเฟอร์ อยู่มาวันนึงก็ได้รู้ความจริงว่าตัวเองถูกเก็บมาเลี้ยงโดย
ครึ่งม้าครึ่งปลานามลูซิเฟอร์
เอิ่ม ตกลงเป็นบุตรแห่งใครฟร่ะเนี่ย
ด้วยบุญกุศลของนางเอกทำให้บุตรแห่งใครก็ไม่รู้ได้เกิดใหม่(ทั้งๆที่ยังไม่ตาย)
เป็นนักเรียนมอปลาย โอตาคุประชาธิปไตย
อุตส่าได้เกิดใหม่ยังไม่ทันจำนางเอกได้ก็ตายซะก่อน
ที่สำคัญนางเอกมันหนีไปมีแฟนใหม่อีกต่างหาก
จบ!! ชีวิตของเฟอร์บี้
วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556
[diary] Come on baby ภารกิจพิชิตใจ(แมว)!!
คุณวิชัยเคยกล่าวเอาไว้ว่า
"แมวไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แมวคือแมว"
ฉะนั้นแมวจะไม่ไม่ทางเดินตามคุณต้อยๆหากไม่มีสิ่งจูงใจมากพอที่จะเอาชนะใจแมวตัวนั้นได้
และในวันนี้เราขอเสนอไอเทมสุดพิเศษจากประตูเกษตร มช. นั่นคือ!! แท่น แทน แท้นนน
ต้นตำแยแมวนี้นี่เองงงง
เพียงแค่คุณถึงมันไว้ในจุดที่แมวได้กลิ่นมันก็จะเดินตามคุณ(ต้นตำแยแมว)ต้อยๆเลยทีเดียว
แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เราจะมาทำให้เห็นกันจะๆ ไปเลย
โดยแนวร่วมในครั้งนี้ได้แก่
แมวแมดที่สวยเริ่ดเชิดหยิ่งและหาตัวจับยากที่สุดในสาขา Media Arts and Design
'ค้างคาว'
พูดอย่างเดียวคงไม่เชื่อว่าแมวแสนหยิ่งตัวนี้จะเดินตามตื้อแบบสุดๆ
คงต้องมีภาพมายืนยัน
เห็นภาพนิ่งกลัวจะไม่เชื่อ เรามีภาพเคลื่อนไหวมายืนยัน!!
โอโห้ สุดยอดไปเลยครัช ไม่น่าเชื่อเลยครัช
เข้าสาระสักนิด
ต้นตำแยแมวจะไม่สามารถใช้ได้กับแมวทุกตัว บางตัวที่ไม่สนใจเลยก็มีแต่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น สำหรับพวกติ่งแมวที่กลัวว่ากินเข้าไปแล้วจะเป็นอะไรรึป่าวนั้น โดยปกติต้นตำแยแมวถือเป็นยาถอนพิษสำหรับแมว เมื่อเจ้าเหมียวกินรากของตำแยแมวแล้วจะอาเจียน หรือ สำรอกออกมา ถือเป็นยาถอนพิษสำหรับแมวค่ะ โดยในสมัยก่อน ชาวบ้านมักนิยมถอนทั้งต้นวางไว้ พอแมวเห็นจะวิ่งเข้าไปนอนเกลือกกลิ้งกับใบก่อนจะกัดกินรากเพื่อรักษาโรคหรืออาการป่วย ซึ่งถือเป็นวิธีรักษาตัวเองของบรรดาเจ้าเหมียวนั่นเอง
เครดิตข้อมูลจาก: ww.welikecat.com
ปล. ใจจริงอยากลองใช้กะน้องตัวนี้แต่กลัวว่าขุ่นพ่อของน้องจะไม่ปลื้ม =w=
ปล. ใจจริงอยากลองใช้กะน้องตัวนี้แต่กลัวว่าขุ่นพ่อของน้องจะไม่ปลื้ม =w=
วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556
[diary] รักแรกพบ Neko Zamurai
ซีรีย์แนวพีเรียดกระชากใจทาสแมวจากแดนอาทิตย์อุทัย Neko Zamurai (ปรบมือ)
เห็น Teaser ครั้งแรกก็แทบจะเอาหัวมุดจอไปชื่นชมความน่ารักของแมวน้อยสีขาว บอกได้คำเดียวว่ามันคือรักแรกพบ!!! ヾ(´ε`*)
เรื่องย่อ คิวทาโร่ซามูไรตกอัพได้รับว่าจ้างให้ไปสังหารแมวน้อยตัวหนึ่งแต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่ลง เขาบอกผู้ว่าจ้างว่าทำสำเร็จแล้วทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาแอบเลี้ยงแมวตัวนั้นไว้เสียเอง ตอนแรกไม่อยากเลี้ยงแต่ด้วยความส่งสารเขาจริงแอบเลี้ยงไวและคอยหลบซ่อนผู้ว่าจ้าง ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงค่อยๆกลายเป็นทาสแมวโดยไม่รู้ตัว
คิวทาโร่ ทาสแมวผู้ซื่อสัตย์ ( ̄▼ ̄)
คีบกับข้าวให้ข้าซิเจ้าทาส!!
ไม่บอกก็รู้ เรื่องนี้เพื่อทาศแมว
แคทคาเฟ่สมัยเอโดะ > <
นี่มันซามูไรพ่อลูก(แมว)อ่อนชัดๆ
น่ารักแบบนี้ใครจะฆ่าลงเล่าอร๊ายยยยยยยยย >w<
ในปี 2014 ได้ข่าวว่าจะมีมูฟวี่ด้วย คงต้องรอติดตามกันยาวๆ
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
[diary]รีวิว!! ช็อกโกแล็ตกลั้นใจซื้อ
หลังจากเดินวนในเซ่เวนอยู่นาน
สุดท้ายก็กลั้นใจหยิบช็อกโกแลตราคาขัดกับปริมาณมากล่องนึง へ(´∀`へ)
Black Chocolate ของ meiji แพคเกจกล่องสวยงามดึงดูดจนต้องซื้อกลับมา
หนึ่งกล่องบรรจุสี่ห่อจิ๋วๆน้อยๆ
ดีไซน์ห่อแบบเรียบหรู สีดำขาวคลาสสึก
(รู้สึกหรูจนไม่กล้าแกะกิน นั่งชื่นชมอยู่นานไม่กล้าแกะ)
หลังจากชื่นชมอยู่นานสุดท้ายก็กลั้นใจแกะกิน
รสชาติค่อนข้างโดน กัดเข้าไปคำแรกจะออกหวานเหมือนช็อกโกแลตทั่วไป
ต่อจากนั้นรสขมก็ตามมาติดที่ปลายลิ้น ฟินนนนน
(人゛ ∀゛)。;*
[movie]หนังผีในตำนาน The Shining
'REDRUM' เป็นคำที่ติดอยู่ในหัวหลังจากดูหนังจบ
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆที่เคยได้ชมมาคือ The Shining ไม่ได้สร้างความน่ากลัวจากการมองภาพเป็นหลัก สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้หลอนไปทั้งเรื่องคือเสียง ถึงแม้ว่าในฉากๆนั้นจะไม่ได้มีเหตุการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้น ในบางครั้งอาจเป็นแค่ฉากธรรมดาที่ไม่น่ากลัวแต่เสียงที่ใช้ประกอบภาพนั้นบังคับให้คนดูรู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรขึ้นที่ไหนสักแห่งบนจอภาพแน่ๆ เสียงเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ผู้ชมไม่กล้าที่จะละสายตาจากจอภาพนั้นอีกทั้งยังเพิ่มความน่าตื่นเต้นลุ้นระทึกเข้าไปอีก เสียงบางเสียงที่น่าจะเป็นแค่เสียงธรรมดาที่ทุกคนเคยได้ยินในชีวิตประจำวันเมื่ออยู่อยู่ในหนังเรื่องนี้กลับกลายเป็นเสียงที่น่ากลัวอย่างน่าประหลาดเช่น เสียงขณะที่เดนนี่ขี่รถสามล้อวนไปรอบๆโรงแรม เสียงของล้อที่ดังก้อองออกมาสร้างความระทึกให้หนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
คำว่า 'REDRUM' ที่เป็นเหมือนกำใบ้เพื่อที่จะสื่อบางอย่างกับผู้ชมถูกใช้พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ผู้ชมจดจำทั้งคำและน้ำเสียงที่ใช้พูดคำคำนั้น เริ่มส่งสัยที่มาและเริ่มหาคำตอบของสิ่งสิ่งนั้นที่ต้องการจะสื่อออกมา สร้างความย้ำคิดย้ำทำจนผู้ชมเริ่มตั้งคำถามกับคำคำนี้ นอกจากนี้สีหน้าของนักแสดงก็เป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นที่ทำให้คนดูรู้สึกคล้อยตามไปกับภาพยนต์มากยิ่งขึ้น ภาพยนต์เรื่องนี้แทบจะไม่จุดอ่อนให้ ทุกๆฉากที่สร้างออกมาล้วนมีกิมมิคต่างๆแอบแฝงอยู่ มุมกล้องในหลายฉากจะดึงผู้ชมให้เข้าไปใกล้กับตัวครมากยิ่งขึ้นทำให้ผู้ชมรู้สึกราวกับว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆด้วย
หลังจากดูหนังจบ หนังเรื่องไม่ได้ทำให้เกิดภาพจำเหมือนกับหนังเรื่องอื่นๆ สิ่งที่ติดอยู่ในหัวไม่ใช่ภาพที่น่าสยดสยองแต่กลับเป็นเสียงที่เอ่ยคำปริศนา 'REDRUM' ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกับความน่ากลัวของภาพยนต์เรื่องนี้ถูกฝังลงในจิตใต้สำนึก หากคิดจะย้อนกลับมาดูอีกครั้งคงต้องหาเพื่อนดูเยอะๆหรือใช้เวลาทำใจก่อนดูนานเลยทีเดียว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)